กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับของผู้ป่วย
กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับของผู้ป่วย
สิทธิของปวงชนชาวไทยในการที่จะได้รับบริการด้านสุขภาพจากรัฐ
รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ได้บัญญัติถึงสิทธิด้านสาธารณสุขของประชาชนไว้ในหมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 47 ได้บัญญัติไว้ว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขจากรัฐ ... บุคคลผู้ยากไร้มีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขของรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายตามที่กฎหมายบัญญัติ...บุคคลย่อมมี สิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย” นอกจากนี้ใน “พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545”ได้บัญญัติไว้ในหมวด 1 สิทธิการรับบริการด้านสาธารณสุข เช่น ในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง บุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐาน และมีประสิทธิภาพตามที่กำหนดโดยพระราชบัญญัตินี้
กฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการรักษาความลับของผู้ป่วย
ประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. 2499
· ความผิดฐานเปิดเผยความลับ
มาตรา 323 ผู้ใดล่วงรู้หรือได้มาซึ่งความลับของผู้อื่น โดยเหตุที่เป็นเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ โดยเหตุที่ประกอบอาชีพเป็นแพทย์ เภสัชกร คนจำหน่ายยา นางผดุงครรภ์ ผู้พยาบาล นักบวช หมอความ ทนายความ หรือผู้สอบบัญชี หรือโดยเหตุที่เป็นผู้ช่วยในการประกอบอาชีพนั้น แล้วเปิดเผยความลับนั้น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ผู้รับการศึกษาอบรมในอาชีพดังกล่าวในวรรคแรก เปิดเผยความลับของผู้อื่น อันตนได้ล่วงรู้หรือได้มาในการศึกษาอบรมนั้น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษเช่นเดียวกัน
มาตรา 322 ผู้ใดเปิดผนึก หรือเอาจดหมาย โทรเลข หรือเอกสารใด ๆ ซึ่งปิดผนึกของผู้อื่นไปเพื่อล่วงรู้ข้อความก็ดี เพื่อนำข้อความในจดหมาย โทรเลข หรือเอกสารเช่นว่านั้นออกเปิดเผยก็ดี ถ้าการกระทำนั้นน่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 “มาตรา 7” ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล เป็นความลับส่วนบุคคล ผู้ใดจะนำไปเปิดเผยในประการที่น่าจะทำให้ บุคคลนั้นเสียหายไม่ได้ เว้นแต่การเปิดเผยนั้นเป็นไปตามความประสงค์ของบุคคลนั้นโดยตรง หรือมีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย แต่ไม่ว่ากรณีใดๆ ผู้ใดจะอาศัยอำนาจหรือสิทธิตามกฎหมายว่าด้วยข้อมูลข่าวสารของราชการหรือกฎหมายอื่นเพื่อขอเอกสาร เกี่ยวกับข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคลที่ไม่ใช่ของตนไม่ได้”
· การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลด้านสุขภาพของผู้ป่วยหรือผู้รับบริการสาธารณสุข ซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเสียหาย ตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มาตรา 7 เป็นกรณีการเปิดเผยข้อมูลสุขภาพ ผู้ป่วยให้แก่บุคคลที่ไม่มีสิทธิหรือไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยที่เป็นเจ้าของข้อมูลได้รับความเสียหาย ผู้กระทำความผิดตาม พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติมาตรา 7 ประกอบมาตรา 49 มีโทษอาญาคือ ผู้กระทำผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อย่างไรก็ดี ความผิดตามมาตรา 7 ดังกล่าว เป็นความผิดอันยอมความได้กล่าวคือ ผู้เสียหายอาจเจรจากับผู้กระทำความผิด ไม่ร้องทุกข์หรือดำเนินคดีในเรื่องนี้ก็ได้ หากผู้เสียหายหรือผู้ป่วยเห็นว่าเป็นกรณีถูกละเมิดสิทธิอย่างร้ายแรง ผู้ป่วยซึ่งเป็นเจ้าของ ข้อมูลจะต้องแจ้งความร้องทุกข์ภายในเวลา 3 เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องการกระทำความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด มิฉะนั้นสิทธิในการนำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับลง
· การเปิดเผยหรือการใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่น่าก่อให้เกิดความเสียหาย แก่บุคคลใด ย่อมไม่ถือเป็นความผิดตาม มาตรา 7 พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติแต่อย่างใด โดยเฉพาะการส่งหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อประโยชน์ในการดูแลรักษาผู้ป่วย เช่น การขอข้อมูลประวตัิการรักษาของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลอื่น (refer) หรือการส่งข้อมูลการรักษาของผู้ป่วยของสถานพยาบาลให้แก่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายเงินตามสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพ ได้แก่การขอข้อมูลของสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานประกันสังคม (สปส.) กรมบัญชีกลาง จึงไม่ถือเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 7 หน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบในระบบหลักประกันสุขภาพ หรือกรณีการรับรองคุณภาพสถานพยาบาลที่ดำเนินการโดย สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล (สรพ.) ย่อมสามารถตรวจสอบข้อมูลเวชระเบียนของผู้ป่วยในสถานพยาบาลต่าง ๆ ได้ อย่างไรก็ดีเจ้าหน้าที่ของรัฐในหน่วยงานหรือองคก์รที่ได้รับข้อมูลผู้ป่วย มีหน้าที่เก็บรักษาข้อมูลเวชระเบียนผู้ป่วยไว้เป็นความลับ หน่วยงานควรมีระเบียบปฏิบัติในการรักษาความลับข้อมูล หากมีการเปิดเผยให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องทราบก็อาจมีความผิดตามกฎหมายเช่นกัน
ข้อยกเว้นในการเปิดเผยข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล
· กรณีแรก คือ การเปิดเผยตามความประสงค์ของบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูล เป็นกรณีที่ผู้ป่วยหรือผู้รับบริการสาธารณสุขที่เป็นเจ้าของข้อมูลให้ความยินยอมโดยมอบอำนาจให้บุคคลอื่น สามารถรับทราบหรือเข้าถึงข้อมูลในเวชระเบียนผู้ป่วยได้ การให้ความยินยอมของ เจ้าของข้อมูลจะต้องเป็นการให้ความยินยอมโดยสมัครใจ ปราศจากการขู่เข็ญ หลอกลวง รวมทั้งต้องเป็น ความยินยอมที่เกิดขึ้นจากการที่เจ้าของข้อมูลนั้นได้รับทราบถึงวัตถุประสงค์ในการนำข้อมูลผู้ป่วยไปใช้ด้วย ตามหลักการเรื่อง informed consent
· กรณีที่ 2 คือ มีกฎหมายเฉพาะบัญญัติให้ต้องเปิดเผย กฎหมายปัจจุบันที่บัญญัติให้สามารถเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ มีดังนี้ พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 มาตรา 24 กรณีที่ข้อมูลด้านสุขภาพของบุคคล อยูใ่นความครอบครองของหน่วยงานของรัฐตาม พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารของราชการ
พระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของทางราชการ พ.ศ.2540
มาตรา 4 ในพระราชบัญญัตินี้ “ข้อมูลข่าวสาร” หมายความว่า สิ่งที่สื่อความหมายให้รู้เรื่องราวข้อเท็จจริง ข้อมูล หรือสิ่งใดๆ ไม่ว่าการสื่อความหมายนั้นจะทำได้โดยสภาพของสิ่งนั้นเองหรือโดยผ่านวิธีการใดๆ และไม่ว่าจะได้จัดทำไว้ในรูปของเอกสาร แฟ้ม รายงาน หนังสือ แผนผัง แผนที่ ภาพวาด ภาพถ่าย ฟิล์ม การบันทึกภาพหรือเสียง การบันทึกโดยเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือวิธีอื่นใดที่ทำให้สิ่งที่บันทึกไว้ปรากฏได้
“ข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคล” หมายความว่า ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของบุคคล เช่น การศึกษา ฐานะการเงิน ประวัติสุขภาพ ประวัติอาชญากรรม หรือประวัติการทำงาน บรรดาที่มีชื่อของผู้นั้นหรือมีเลขหมาย รหัส หรือสิ่งบอกลักษณะอื่นที่ทำให้รู้ตัวผู้นั้นได้ เช่น ลายพิมพ์นิ้วมือ แผ่นบันทึกลักษณะเสียงของคนหรือรูปถ่าย และให้หมายความรวมถึงข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิ่งเฉพาะตัวของผู้ที่ถึงแก่กรรมแล้วด้วย
มาตรา 21 เพื่อประโยชน์แห่งหมวดนี้ “บุคคล” หมายความว่า บุคคลธรรมดาที่มีสัญชาติไทย และบุคคลธรรมดาที่ไม่มีสัญชาติไทยแต่มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย
หมวด 2 ข้อมูลข่าวสารที่ไม่ต้องเปิดเผย
มาตรา 24 หน่วยงานของรัฐจะเปิดเผยข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่อยู่ในความควบคุมดูแลของตนต่อหน่วยงานของรัฐแห่งอื่นหรือผู้อื่น โดยปราศจากความยินยอมเป็นหนังสือของเจ้าของข้อมูลที่ให้ไว้ล่วงหน้าหรือในขณะนั้นมิได้ เว้นแต่เป็นการเปิดเผยดังต่อไปนี้
(4) เป็นการให้เพื่อประโยชน์ในการศึกษาวิจัย โดยไม่ระบุชื่อหรือส่วนที่ทำให้รู้ว่าเป็นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับบุคคลใด
(8) ต่อศาล และเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐหรือบุคคลที่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะขอข้อเท็จจริงดังกล่าว
ข้อบังคับแพทยสภาว่าด้วยการรักษาจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ. 2549
§ ข้อ 27 ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่เปิดเผยความลับของผู้ป่วย หรือผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้วซึ่งตนทราบมาเนื่องจากการประกอบวิชาชีพ เว้นแต่ได้รับความยินยอมโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเมื่อต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามหน้าที่
§ ถ้าผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมฝ่าฝืนข้อบังคับดังกล่าว ผู้ประกอบวิชาชีพจะถูกดําเนินการลงโทษทางจริยธรรมโดยแพทยสภา
สิทธิของผู้ป่วย
§ 7. ผู้ป่วยมีสิทธิที่จะได้รับการปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับตนเอง จากผู้ประกอบวิชาชีพด้านสุขภาพโดยเคร่งครัด เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยหรือการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย
§ บทบาทของผู้ประกอบวิชาชีพพยาบาลที่สำคัญประการหนึ่งในเรื่องข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับ ผู้ป่วย คือ การเก็บรายงานเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของผู้ป่วยไว้เป็นสัดส่วนเป็นระบบ ไม่เปิดเผยความลับของผู้ป่วย เว้นแต่จะได้รับความยินยอมจากผู้ป่วยและหรือการปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย